วัดพระธรรมกาย

วัดพระธรรมกาย

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2559

มาวัดพระธรรมกายครั้งแรกได้อย่างไร???
        ถ้าถามถึงการวัดพระธรรมกายของดิฉันล่ะก็  ขอเล่าถึงความก่อนหน้านี้ก่อนนะค่ะ  วันหนึ่งตอนสมัยมัธยมศึกษาปีที่ 5 ดิฉันได้มาทัศนศึกษาที่อิมแพคเมืองทองธานีค่ะ  ตอนนั้นคุณครูพานั่งทัวร์มากันทั้งห้องค่ะ ทั้งหมด 2 ห้องค่ะ  พอมาถึงอำเภอคลองหลวง  คุณครูได้พาเด็กๆทุกคนไปอาบน้ำที่วัดพระธรรมกายค่ะ  คือตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นวัดพระธรรมกาย  ซึ่งมีเพื่อนคนหนึ่งได้บอกว่าเคยมาสอบธรรมะ อะไรสักอย่างนี้แหละค่ะ  เพื่อนก็ได้บอกอย่างนั้น  ซึ่งตอนนั้นไม่ได้สนใจคำถามเพื่อนมากเท่าไรค่ะ  แต่แอบอึ้ง  เพราะว่าเคยฝันอยากมาวัดพระธรรมกายตั้งแต่เด็กๆแล้ว  แต่ไม่รู้วัดอยู่ที่ไหน  ซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้การเข้าเน็ตเข้าอะไรเลยแม้แต่น้อย  เป็นคนบ้านนอกมากๆเลยค่ะตอนนั้น  แต่ตอนนั้นรู้สึกดีใจค่ะที่ได้มาวัดพระธรรมกายค่ะ  และตอนขึ้นรถก็ได้แต่สงสัยค่ะว่ารูปใหญ่ๆ ที่อยู่ทั้งสองด้านคือใครไม่รู้จักเลยค่ะ (ซึ่งตอนนี้รู้แล้วค่ะ  คือ รูปหลวงปู่สด จันทสโรนั้นเองค่ะ เป็นที่บูชาพระธรรมกายเจดีย์นั่นเองค่ะ ซึ่งอยู่ระหว่างสภาธรรมกายกับวิหารคตค่ะ ซึ่งปัจจุบันได้ย้ายไปที่ใต้วิหารคตเรียบร้อยแล้วค่ะ) ซึ่งตอนนั้นคุณครูได้ให้ขึ้นรถเพื่อไปยังเมืองทองธานี  ตอนนั้นดิฉันขึ้นรถไปแล้ว  แต่ดิฉันจำความได้แม่นเลยทีเดียวว่า  มองรูปนั้นอยู่ด้วยใจจดใจจ่อมากเลยทีเดียว  และตอนนั้นได้บอกกับตัวเองว่า  สักวันดิฉันจะมาวัดพระธรรมกายให้ได้ค่ะ  และตอนนั้นก็เป็นครั้งแรกของการมาที่วัดพระธรรมกาย  และตั้งใจกับตัวเองว่าจะมาที่นี้ให้ได้  และนี้ก็เป็นเรื่องราวตอนมัธยมศึกษาปีที่ 5 ค่ะ  และภายหลังต่อมาก็ได้ไปอ่านหนังสือธรรมะ ก็ได้เจอรูปหลวงปู่สด  จันทสโรอีกครั้งได้เพียงแต่สงสัยว่าท่านคือใคร  และใต้ภาพเขียนบอกแค่ว่า "ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย"  ซึ่งตอนนั้นก็ยังสงสัยต่อไปค่ะ  ท้าวความมาถึงปี 1 เทอม 2 ซึ่งดิฉันได้มาเอ็นทรานซ์ติดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรีค่ะ  ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ฝั่งธนค่ะ  มีวันหนึ่งดิฉันรู้สึกไม่สบายใจอย่างหนักเลยทีเดียวค่ะ  จึงตัดสินใจโทรหาพี่คนหนึ่งซึ่งเป็นพี่ที่เคยเรียนมัธยมด้วยกันค่ะ  พี่คนนี้ชื่อว่า พี่แต๋มค่ะ  พี่เขาเป็นคนใจดีมีน้ำใจตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมด้วยกันแล้วค่ะ  ตอนอยู่มัธยมพอรู้สึกไม่สบายใจ  พี่คนนี้ให้กำลังใจได้ดีมากค่ะ  มีแนวคิดต่างๆมากมายมาให้ได้คิดวิเคราะห์ถึงเหตุและผลต่างๆมากมาย  พี่เขาซื้ออะไรให้กินอยู่บ่อยๆค่ะ พี่เขาโครตน่ารักเลยค่ะ  มาถึงตอนโทรหาพี่เขาในวันนั้นนะค่ะ  ตอนแรกก็โทรและพูดคุยบอกพี่เขาว่า "อยากทำบุญ" ค่ะ  พี่เขาบอกว่าไปรับบุญทำหน้าที่อาสาสมัครในการทำความดีที่ได้แนะนำสิ่งดีๆให้กับคนอื่นๆไหมค่ะ  ตอนนั้นรู้สึกงงมากค่ะ  กับการรู้จักคำว่า "รับบุญ" ค่ะ  และไปวัดที่ไกลจากดิฉันอยู่ด้วยนะค่ะ  แต่พอรู้จักชื่อวัดเท่านั้นแหละค่ะบอกตอบรับว่าไปเลยค่ะ  ครั้งแรกไปนั้นบอกได้เลยค่ะ งงมากๆเลยทีเดียวค่ะ  แต่ตอนนั้นดีค่ะ  มีพี่มารอหน้าฟิวเจอร์ พาร์ครังสิตค่ะ  และพานั่งแท็กซี่ไปวัดพระธรรมกายค่ะ  และคืนนั้นก็ได้ไปนอนที่วัดเลยค่ะ  บ้านอาสาสมัครค่ะ  ตอนนั้นก็งงหมดค่ะ  งงไปทุกเรื่อง  ทุกอย่าง  แต่วันนั้นไม่อยากถามพี่เขาต่อค่ะ  กลัวพี่เขาเหนื่อย  ซึ่งพี่แต๋มคนนี้ก็เพิ่งนั่งรถมาจากชัยนาทเช่นกันค่ะ พี่เขาเรียนพยาบาลพระบรมราชชนนี  ที่ชัยนาทค่ะ  และก็เลยพากันนอนเลยค่ะ  พอเช้ามามีเสียงปลุกตั้งแต่ ตีสี่ครึ่งเลยทีเดียวค่ะ  และก็ทำภารกิจส่วนตัวเสร็จ  และได้ไปรับบุญที่แผนกของตัวเองค่ะ  วันนั้นจำได้เลยว่าการรับบุญและแนะนำสิ่งดีๆให้คนอื่นๆนี่  ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยค่ะ  เพราะคนที่มาวัดเยอะมากค่ะ  ต้องยืนชั่วโมงถึงสองชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ  ยอมรับเลยว่าวันแรกนี้โครตเหนื่อยจริงๆค่ะ  และครั้งต่อมาพี่ชวนมารับบุญอีกก็ไม่ค่อยอยากจะมาเท่าไรค่ะ  เพราะเหนื่อยกับการรับบุญค่ะ และก็ไม่ค่อยได้มานานเลยค่ะ  อยู่มาวันหนึ่งตอนนั้นใกล้ปิดเทอมแล้วค่ะ  พี่แต๋มโทรมาชวนให้ไปอบรมโครงการธรรมทายาทหญิงรุ่นที่ 31 ค่ะ  ซึ่งตอนนั้นดิฉันปฏิเสธพี่เขาไปหลายครั้งแล้ว  จนจวบถึงวันสิ้นสุดการรับสมัครเพราะคนมีจำนวนมากแล้ว  และตอนนั้นจำได้เลยว่า  ได้ดูภาพยนต์เรื่องหนึ่งค่ะ  เป็นเรื่องอะไรสักอย่างค่ะ  ในเรื่องได้บอกว่า  "ถ้าอยากทำอะไรให้รีบทำ  ก่อนไม่มีเวลาจะทำ" ค่ะ ซึ่งตอนนั้นคิดเลยว่า  เข้าธรรมทายาทหญิงดีกว่า  ตอนนี้ยังทำได้  ทำเลยดีกว่า  ซึ่งตอนนั้นก็ไม่ได้อยากจะเข้าสักเท่าไรค่ะ  แต่ด้วยคำพูดที่บอกพี่แต๋มไปว่าจะเข้าอบรมในปีหน้า  เลยคิดว่าจะอบรมปีนี้ให้เสร็จเลย  กลัวปีหน้าต้องทำอะไรอีกหลายอย่างเลยค่ะ  และวันนั้นดิฉันก็ได้โทรหาพี่แต๋มและบอกพี่เขาว่าจะเข้าอบรมธรรมทายาทหญิงรุ่นนี้ค่ะ  ซึ่งพี่เขาบอกว่าหมดเขตการรับสมัครไปแล้วค่ะ  แต่ตอนนั้นยังดีที่มีพี่คนหนึ่งชื่อพี่เจียบได้สนับสนุนให้ได้เข้าโครงการ  โดยพาไปที่ศูนย์การรับสมัคร  แต่ตอนนั้นพระอาจารย์ได้บอกไปว่าตอนนี้คนสมัครมีจำนวนมาก  ซึ่งอุปกรณ์ต่างๆมีอย่างจำกัด  และจะให้คำตอบไปที่พี่เจียบอีกครั้งค่ะ  และครั้งนั้นพระอาจารย์ก็ได้บอกเพียงว่าให้ไป อธิษฐานจิตนะครับ  และตอนนั้นก็กลับไปอธิษฐานจิต  และวันต่อมาพี่แต๋มโทรมาว่าได้เข้าโครงการนะ  ให้ไปสัมภาษณ์รอบสุดท้าย  ตอนนั้นโคตรดีใจจริงเลยค่ะ  และก็ได้เข้าโครงการมาเป็นเวลา 50 วันค่ะ  สิ่งที่ได้ล้วนมากมายวัดพระธรรมกายให้อะไรมากมายอย่างที่คาดไม่ถึงเลยค่ะ  และถ้าไม่มีพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย  ก็จะไม่มีโครงการดีๆแบบนี้เกิดขึ้นได้เลยค่ะ  ทำให้คนอย่างดิฉันมีคุณค่ามากขึ้นอย่างมาก  ซึ่งโครงการธรรมทายาทหญิงได้ทำให้เป็นผู้หญิง 200 % ค่ะ  พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้ให้โอกาสกับผู้หญิงได้บวชใจได้  ซึ่งแม้ผู้หญิงจะบวชแบบผู้ชายเขาไม่ได้  แต่เราสามารถบวชใจได้  ซึ่งตลอดระยะของโครงการมีเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้การให้กำลังใจกับธรรมทายาทหญิงในการนั่งธรรมะอย่างยิ่งยวดมากๆเลยค่ะ  ให้ได้นั่งเข้าถึงพระธรรมะภายใน  พระธรรมกายในตัวให้ได้ค่ะ ซึ่งทำให้ทุกคนในโครงการได้ค้นพบเจอสิ่งที่ดีๆ  หลายๆอย่างมากมายในตัวเอง  และได้ค้นพบตัวเองเจอ ทั้งในด้านดีและข้อบกพร่องในตัวเอง  และได้แก้ไขมันให้ดีขึ้นกว่าเดิมค่ะ  พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย  มีแต่คำว่าเมตตามาโดยตลอดค่ะ  ดิฉันรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโย  รักวัดพระธรรมกายค่ะ  ซึ่งทำให้ดิฉันรู้และทราบถึงข้อปฏิบัติของชาวพุทธที่ดี  และการเป็นคนดีที่เกิดจากใจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริงค่ะ  สิ่งที่ได้นั้นมีมากมายจนไม่สามารถบรรยายได้หมดค่ะ  และก่อนจบโครงการที่ดิฉันได้รับประโยคหนึ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้ให้ไว้ค่ะ  กลับไป "อย่าขาดการนั่งธรรมะแม้แต่วันเดียว" และนี่ก็คือแรงบันดาลใจให้ดิฉันนั่งธรรมะมาโดยตลอดค่ะ  และพระเดชพระคุณหลวงพ่อธัมมชโยได้ให้โอวาทที่ประทับใจอีกอย่างหนึ่งก็คือ "กลับบ้านไปต้องเอาบุญไปกราบเท้าคุณพ่อคุณแม่นะจ้ะ  สิ่งที่ศึกษาไปช่วงอบรมต้องเอาไปทำต่อนะลูกนะ  ให้คล่องและชำนาญทั้งงานหยาบและละเอียด..." นี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับดิฉันในช่วงชีวิตหนึ่งที่มีค่าที่สุดมากกว่าการได้เงินหลายพันล้านเลยทีเดียวค่ะ  ซึ่งไม่สามารถซื้อเรื่องราวและสิ่งดีๆที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อได้มอบให้ตลอดเรื่อยมาได้เลยค่ะ  และปัจจุบันนี้ดิฉันยังคงเป็นอาสาสมัครที่มาพร้อมด้วยกำลังในการสร้างบารมีให้ยิ่งยวดต่อๆไปเรื่อย  และจะยังคงสร้างบารมีให้มากๆขึ้นทับทวีต่อๆไป  ตลอดจนสิ้นอายุขัยค่ะ  นอกจากโครงการนี้แล้วยังมีโครงการอีกมากมายได้ให้คนทุกคนได้อบรมกันดูนะค่ะ  แล้วคุณจะได้มากว่าสิ่งที่ได้ค่ะ  ที่มีอยู่ในตัวคุณเองและไม่มีใครสามารถพรากไปจากคุณได้ค่ะ  นี่แหละค่ะวัดพระธรรมกายที่สร้างความดี  และสร้างคนให้เป็นคนดีมาโดยตลอดค่ะ  และยังทำให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขตลอดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ  ขอบคุณค่ะ